ทาคุมะ อิโนอุเอะ แชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวตของ WBA จาก โอฮาชิ ยิม มีโปรแกรมที่จะต้องขึ้นป้องกันแชมป์โลกหนแรกของเขากับ เฮอร์วิน อังคาฮาส อดีตแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวตของ IBF วัย 31 ปี ชาวฟิลิปปินส์ ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ที่สังเวียน เรียวโงกุ โคคุกิกัง และนี่คือภาคต่อของการถอดบทสัมภาษณ์ของ ไดสุเกะ ซูกิอุระ ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นในลาสเวกัส ที่ได้ไปสัมภาษณ์อดีตแชมป์โลกรายนี้ ที่ตอนนี้ได้ไปทำการฟิตซ้อมอยู่ในลาสเวกัส เพื่อเตรียมตัวที่จะเดินทางมาชกในญี่ปุ่นในไฟต์นี้ [อ่าน Part 1]
การลดน้ำหนักในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตสำหรับคุณนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ในรุ่นแบนตัมเวตนั้นการทำน้ำหนักของคุณนั้นง่ายขึ้นบ้างไหม?
'ผมมีปัญหาในการทำน้ำหนักให้อยู่ในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตมานานถึง 5-6 ปีแล้ว แม้ว่าผมจะฟื้นตัวได้ทันแต่การตอบสนองของร่างกายและการเคลื่อนไหวของผมนั้นมันกลับไม่ดีเพียงพอ'
'สำหรับการชกครั้งสุดท้ายของผมนั้นก็เป็นการชกในพิกัดซูเปอร์แบนตั้มเวต (ชั่งได้แค่ 120 ปอนด์เศษ) แน่นอนว่าผมคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้นมาก แม้ไฟต์นี้จะต้องชกในพิกัด 118 ปอนด์ แต่น้ำหนักนี้มันก็ควบคุมได้ง่ายกว่าตอนชกรุ่น 115 ปอนด์มาก'
คุณเคยมีประสบการณ์ชกในรุ่นแบนตั้มเวตมาก่อนหรือไม่?
คุณเคยคิดที่จะแขวนนวมนวมหลังจากพ่ายแพ้ให้กับมาร์ติเนซถึง 2 ครั้งติดต่อกันหรือไม่?
'พูดตามตรง ผมเคยคิดนะ เมื่อคุณพ่ายแพ้คุณจะคิดโน่นนี่นั่นหลายๆเรื่องและนั่นก็รวมถึงการเลิกชกด้วย อย่างไรก็ตามหลายๆคนรวมทั้งเทรนเนอร์ของผมนั้นก็พูดกับผมว่า ผมยังกลับมาอีกครั้งได้อย่างแน่นอนโดยเฉพาะเมื่อเลื่อนรุ่นขึ้นไปชกในพิกัดที่ใหญ่กว่าเดิม'
เป้าหมายในปัจจุบันของคุณคืออะไร?
'ก่อนอื่นเลย ผมจะกลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้งด้วยการเอาชนะทาคุมะให้ได้ จากนั้นเป้าหมายต่อไปก็คือการรวมแชมป์โลกทั้ง 4 สถาบันหลักในรุ่นนี้ให้ได้ นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของผมในตอนนี้'
ครอบครัวของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?
'ผมมีภรรยาแล้ว และลูกๆ 4 คนด้วยกัน ลูกชายคนโตอายุ 10 ขวบ ลูกชายคนที่สองอายุ 8 ขวบ ลูกสาวคนเดียวอายุ 4 ขวบกว่าเกือบจะ 5 ขวบแล้วล่ะ และก็ลูกชายคนสุดท้องอายุ 9 เดือนกว่าๆ เพราะเขาเกิดเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่ผมเองต้องเดินทางมาอเมริกาเมื่อเดือนมกราคม ก็เลยได้อยู่กับเจ้าจัวเล็กได้เพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น เวลามันผ่านไปเร็วมากๆจนตอนนี้เขาคลานได้แล้ว น่าเสียดายที่ผมนั้นไม่สามารถที่จะได้เห็นพัฒนาการและการเติบโตของเขา แต่ผมก็เข้าใจว่าสิ่งที่ผมทำอยู่นี้ก็คือการเสียสละเพื่อครอบครัวของผม'
ครอบครัวคือแรงบันดาลใจของคุณหรือไม่?
'จริงแท้แน่นอนที่สุด พูดตามตรงว่า มาร์ลอน ทาปาเลส เองนั้นก็ไม่ได้ซ้อมหนักเหมือนตอนที่เขานั้นยังไม่มีลูก แต่หลังจากที่เขามีลูกสาวแล้วเขาก็เริ่มซ้อมหนักมานับตั้งแต่นั้น ผมเองก็เหมือนเขานั่นแหละ และนั่นก็อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้แข็งแกร่งขึ้น (หัวเราะ)'
คุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทาปาเลสหรือเปล่า?
'ผมเป็นเพื่อนที่ดีกับเขา และเราก็เคยซ้อมด้วยกัน โดยเฉพาะเมื่อคู่ต่อสู้ของเราคนใดคนหนึ่งเป็นมวยซ้าย แต่ถ้าคู่ชกเราเป็นมวยขวาเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซ้อมด้วยกัน'
ความทรงจำที่ดีของคุณจากการมาญี่ปุ่นเมื่อครั้งก่อนคืออะไร?
'วันหนึ่งขณะที่ผมออกจากโรงยิมเพิื่อเดินทางกลับที่พักในขณะที่ฝนกำลังตกพรำๆ คุณ อาคิฮิโกะ ฮอนด้า ประธาน ไทเก้น ยิม ได้ถือร่มเดินตามมาเพื่อยื่นให้กับผม ต้องขอบคุณคุณฮอนด้ามากจริงๆที่ทำให้ผมไม่เปียกในวันนั้น อีกอย่างผมเองรู้สึกประทับใจกับการพยากรณ์อากาศของญี่ปุ่นที่แม่นยำมากๆ ผมคิดว่าที่นี่เป็นประเทศที่น่าทึ่งจริงๆ (หัวเราะ)'
ตารางฝึกซ้อมในปัจจุบันของคุณเป็นอย่างไร?
'ใน 1 สัปดาห์ผมซ้อมตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ และมีการลงนวมเฉพาะและในวันจันทร์ พุธ และศุกร์ แต่ผมก็ไม่รู้ชื่อคู่ซ้อมของผมเลยสักคน รู้แต่ว่าพวกเขาเป็นนักชกสมัครเล่นที่มีประวัติที่ดีเลยทีเดียว'
ตารางชีวิตในอนาคตของคุณเป็นอย่างไร?
'ผมวางแผนว่าจะเดินทางไปถึงญี่ปุ่นในช่วงต้นๆของสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน และจะซ้อมที่นั่นราว 2 สัปดาห์ก่อนที่จะชิงแชมป์โลก'
คำถามสุดท้าย คุณอยากทำอะไรที่ญี่ปุ่นนอกเหนือจากการไปชกมวย?
'อาหารญี่ปุ่นอร่อยมากๆ ผมก็เลยอยากที่จะกินราเมนและซูชิที่นั่นอีกครั้ง ตอนที่ผมลองกินซูชิครั้งแรกในญี่ปุ่น ผมไม่รู้เลยว่าวาซาบิคืออะไร และเข้าใจผิดว่าเป็นไอศกรีม ผมก็เลยตักวาซาบิเข้าปากซะเต็มช้อน คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าผมจะหนักใจมากแค่ไหน (หัวเราะ) และหลังจากนั้นพอกลับไปกินซูชิที่ฟิลิปปินส์กับเพื่อนร่วมค่าย ผมก็แกล้งพวกเขาที่ไม่รู้ว่าจะวาซาบิคืออะไร โดยบอกเขาไปว่ามันเป็นไอศกรีม (หัวเราะ)'
Original Photo Credit: TR Boxing via www.worldboxingnews.net
* ของดบริการอ่านข้อความให้ฟังชั่วคราวนะครับ (น่าจะกลับให้บริการได้ใหม่ในปี 2567)
แสดงความคิดเห็น