เป็นที่ทราบกันดีว่าผลการชกคู่เอกของศึกใหญ่เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมานั้น 'มอนสเตอร์' นาโอยะ อิโนอุเอะ เจ้าของแชมป์โลก 4 สถาบันรุ่น 122 ปอนด์ สามารถที่จะเอาชนะคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์เหนือต่อ มูรอดจัน อัคมาดาลิเยฟ ที่ต้องกลายเป็นอดีตแชมป์เฉพาะกาล WBA ทันทีหลังจบไฟต์ ที่เคยเป็นอดีตแชมป์โลก IBF และอดีต WBA ซูเปอร์ เวิลด์ ในรุ่นเดียวกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ที่เวที ไอจี อารีนา นาโกยา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่อิโนอุเอะต้องชกจนครบยก เพราะไม่สามารถที่จะเอาชนะน็อคคู่ชก และเพียง 2 วันถัดมา อัคมาดาลิเยฟก็ได้เปิดเผยกับสื่อบ้านเกิดว่า เหตุเขาที่ทำผลงานไม่เต็มที่นั้นเป็นเพราะ 'เวลาวอร์มอัพไม่พอ' เนื่องจากคู่รองนั้นจบเร็วเกินคาด ทำให้เวลาวอร์มร่างกายที่ควรมีราว 36-47 นาที ลดเหลือเพียง 13-20 นาที ซึ่งไม่พอที่จะอุ่นเครื่องร่างกายให้เข้าที่
อย่างไรก็ดีคำอธิบายนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นข้อแก้ตัว เนื่องจากทีมงานทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกอยู่ในเงื่อนไขเดียวกัน อีกทั้งในวันประชุมกติกาก็ได้มีการแจ้งไว้แล้วว่า เวลาการชกจริงอาจมีการขยับเล็กน้อย แต่จะไม่เกินช่วง 20:00–20:20 น. (ญี่ปุ่น) ซึ่งการชกจริงก็เริ่มในกรอบเวลาพอดี โดยสื่อท้องถิ่นยังชี้ว่าการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่นนั้นดำเนินไปอย่างตรงเวลาและยุติธรรม อย่างไรก็ตามเมื่ออัคมาดาลิเยฟเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานนานาชาติตาชเคนต์ในบ้านเกิด เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆที่มารอรับหลายร้อยคน ที่มาพร้อมช่อดอกไม้และชาปันเสื้อคลุมประจำชาติที่เขาเคยมอบให้กับทีมงานของอิโนอุเอะในวันชั่งน้ำหนัก แต่ครั้งนี้ผู้ที่นำมามอบให้กับเขาก็คือแฟนๆมวยในบ้านเกิดของเขาเอง
แม้ว่าทางอัคมาดาลิเยฟจะกล่าวย้ำในทำนองเดียวกันว่า จริงๆแล้วเขานั้นน่าที่จะทำผลงานได้ดีกว่านี้ เพราะตนเองก็มีศักยภาพมากกว่าที่เห็น แต่เวลาในการวอร์มอัพนั้นไม่เพียงพอ อย่างไรก็ดีภาพในสังเวียนสะท้อนชัดว่า จริงๆแล้วผลการแข่งขันนั้นเกิดจากความแตกต่างด้านฝีมือ เพราะจะเห็นได้ว่าอิโนอุเอะนั้นการ์ดมวยอย่างแน่นหนา มีสเต็ปเท้าที่คล่องแคล่ว และบอดี้เวิร์กก็ยังเหนือกว่า แทบไม่เปิดช่องให้ถูกโจมตีจนโดนหมัดจังๆเพียงไม่กี่ครั้ง ที่เห็นชัดเจนก็มีแค่ยกที่ 5, 9 และปลายยก 12 เท่านั้น ขณะที่ตัวเลขจาก CompuBox ยังระบุว่า อิโนอุเอะนั้นออกหมัด 585 ครั้ง เข้าเป้า 141 ครั้ง ส่วนอัคมาดาลิเยฟออกหมัดแค่ 376 ครั้ง เข้าเป้าเพียง 62 ครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะพ่ายแพ้ แต่การต่อสู้อย่างกล้าหาญทำให้อัคมาดาลิเยฟได้รับเสียงปรบมือจากแฟนๆในสนามแข่งขันกว่า 16,000 คน และเมื่อกลับถึงบ้านเกิดเขาก็ได้กล่าวต่อหน้าแฟนๆที่มารอรับว่า เขาทำเต็มที่แล้วแต่ผลแพ้ชนะเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานมา อย่างไรก็ดีเขาจะกลับมาใหม่และแข็งแกร่งกว่าเดิม และจะกลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้งให้ได้ ส่วนโปรโมเตอร์ของอัคมาดาลิเยฟก็ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะพาเขากลับมาสู่เวทีโลกอีกครั้ง และยังคงใส่ชื่อของอิโนอุเอะไว้ในเป้าหมาย อย่างไรก็ดีทาง ฮิเดยูกิ โอฮาชิ ประธานค่าย โอฮาชิ ยิม ต้นสังกัดของอิโนอุเอะนั้นยืนยันว่า โอกาสรีแมตช์กับอัคมาดาลิเยฟมีเพียงกรณีเดียวเท่านั้นคือ อัคมาดาลิเยฟจะต้องกลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง
Original Photo Credit: www.ronspo.com