เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา 'บิ๊ก แบง' จุนโตะ นากาตานิ แชมป์โลก WBC และ IBF รุ่นแบนตัมเวต นักชกไร้พ่ายในการชกอาชีพ 31 ไฟต์ วัย 27 ปี และ เรียวตะ มูราตะ อดีตแชมป์โลก WBA รุ่นมิดเดิลเวตและเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกรุ่นเดียวกันปี 2012 วัย 39 ปี ได้เข้าร่วมเป็นแขกพิเศษในรายการถ่ายทอดสดของการแข่งเรือ 'BOAT RACE Premier' ซึ่งเป็นรอบชิงชนะเลิศรองราบการ 'SG โอเชียน คัพ' ครั้งที่ 30 ที่จัดขึ้นที่สนามแข่งเรือใน
แม้ว่าจะเป็นแชมป์โลกในเวทีมวย แต่นากาตานิก็มีความฝันในวัยเด็กอีกอย่างที่เชื่อมโยงกับกีฬาชนิดนี้ เพราะเขาเคยเขียนในหนังสือรุ่นตอนจบชั้นประถมว่าอยากที่จะเป็นนักแข่งเรือ ซึ่งทางนากาตานิเองนั้นมองว่าเรือแข่งกับมวยนั้นมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก
การแข่งเรือนั้นก็เปรียบเสมือนศิลปะการต่อสู้บนผิวน้ำ เพราะมีการชิงไหวชิงพริบที่ดุเดือด และนักแข่งเรือทุกคนต่างก็มีแรงผลักดันที่จะคว้าชัยชนะในการแข่งขันให้ได้ ซึ่งไม่ต่างกับที่มีในกีฬามวยเช่นกันดังนั้น
นอกจากบทบาทในฐานะแชมป์โลก 2 สถาบันรุ่นแบนตัมเวตแล้ว อีกบทบาทหนึ่งที่หลายคนกำลังจับตามอง ก็คือการเป็นว่าที่ผู้ท้าชิงของ 'มอนสเตอร์' นาโอยะ อิโนะอุเอะ แชมป์โลก 4 สถาบันรุ่นซูเปอร์แบนตัมเวต (จูเนียร์เฟเธอร์เวต) วัย 32 ปี จาก โอฮาชิ ยิม ซึ่งมีข่าวว่าทั้งสองนั้นจะได้เจอกันในศึกใหญ่ที่ โตเกียว โดม ในเดือนพฤษภาคมปีหน้า
โดยก่อนที่ไฟต์ในฝันดังกล่าวจะเกิดขึ้น ทางอิโนอุเอะนั้นก็ยังมีภารกิจสำคัญอยู่อีกหลายไฟต์ (นากาตานิก็คงจะมีเช่นกัน) ซึ่งอย่างแรกนั้นก็คือการป้องกันเข็มขัด 4 สถาบันหลัก และ Ring Magazine พิกัด 122 ปอนด์ กับ 'เอ็มเจ' มูรอดจันน อัคห์มาดาลีเยฟ อดีตเจ้าของแชมป์โลก IBF และ WBA ซูเปอร์ เวิลด์ แชมเปี้ยน รุ่นเดียวกัน จากอุซเบกิสถานที่ปัจจุบันครองแชมป์เฉพาะกาลในรุ่นนี้ของ WBA อยู่ด้วย ในวันที่ 14 กันยายนนี้ ที่สนาม IG Arena ในเมืองนาโกย่า
ซึ่งทางนากาตานินั้นก็ได้ให้มุมมองต่อการแข่งขันแมทช์นี้เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า
อัคห์มาดาลีเยฟนั้นเป็นนักชกที่ทนทานมากและก็มีการตั้งรับที่เหนียวแน่นด้วย ผมจึงสนใจว่าอิโนอุเอะนั้นจะใช้วิธีไหนที่เจาะแนวรับของเขาเข้าไปได้ และด้วยเพราะอิโนอุเอะเป็นนักชกที่สามารถที่จะสร้างแรงกดดันให้กับคู่ชกได้อย่างมหาศาล หากว่าเขาเจาะแนวรับเข้าทำได้สำเร็จ คำถามคืออัคห์มาดาลีเยฟนั้นจะทนพลังหมัดของอิโนอุเอะได้นานแค่ไหน?
พลังหมัดของ 'มอนสเตอร์' โดนจังๆก็ลงทุกรายล่ะ
Original Photo Credit: www.hochi.news