By: Boxing-Boy 

Photo Credit: Brico Langbay Santig / Highland Boxing Promotions




พี (คัมภีร์) แทนเทเลคอม (22-5-0; 14KO) อดีตแชมป์ WBA Asia รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวต ชาวไทย ควงคู่ เหวียน หง็อก ไฮ (4-0-3; 3KO) ดาวรุ่งเจ้าถิ่น ชั่งน้ำหนักตัวผ่านอย่างฉลุยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยทั้งคู่นั้นจะขึ้นชกเป็นคู่ค้ำของรายการ LEAD: Born To LEAD ที่จะมีขึ้นที่ ไซ่ง่อน สปอร์ตส์ คลับ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2566 หรือวันพรุ่งนี้ที่จะมาถึง ภายใต้การจัดของ Shadow Entertainment



สำหรับการชกระหว่าง พี-หง็อกไฮ นั้น จะมีเข็มขัดแชมป์ WBA Asia SOUTH รุ่นซูเปอร์ไลต์เวตที่ว่างอยู่เป็นเดิมพันด้วย โดยการชั่งน้ำหนักตัวของมวยในรายการนี้นั้นมีขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ (24 มี.ค. 66) โดยเป็นการชั่งแบบนอกรอบล่วงหน้า ก่อนที่นักมวยทั้งหมดจะมาขึ้นชั่งอย่างเป็นทางการให้สื่อทำข่าวเมื่อประมาณ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง โดยนักมวยหลายคนน่าจะเป็นมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อน เพราะเมื่อตอนขึ้นชั่งจริง หลายคนขึ้นตาชั่งและลงเร็วมาก เรียกว่าท่าเป็นการชั่งจริงๆตาชั่งน่าจะยังไม่นิ่งด้วยซ้ำไป แถมหลายคู่ยังลงมาผลักอกทำท่าจะมีเรื่องกันอีกตาสไตล์สร้างสีสัน แต่ดูไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่เพราะบางคนอมยิ้มอย่างเห็นได้ชัด



ส่วนผลการชั่งน้ำหนักตัวจริงๆของคู่ พี-หง็อกไฮ นั้น ปรากฎว่า นักชกชาวไทยนั้นชั่งได้ 139.5 ปอนด์ ต่ำกว่าพิกัดครึ่งปอนด์ ส่วนนักชกเจ้าถิ่นนั้นชั่งได้ 139.0 ปอนด์ ต่ำกว่าพิกัดถึง 1 ปอนด์ด้วยกัน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากสำหรับนักชกที่ต้องลดน้ำหนักมากอย่าง 
เหวียน หง็อก ไฮ รายนี้ ด้วยเพราะนี่คือครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่งที่นักชกเวียดนามคนนี้จะกลับมาขึ้นชกในพิกัด 140 ปอนด์ หรือประมาณ 63.5 กิโลกรัมอีกครั้ง ทั้งเพราะสื่อเวียดนามระบุว่าหลังจากที่เขานั้นไม่ได้ขึ้นสังเวียนมานานถึง 3 ปีในช่วงของการระบาดของไวรัสฯนั้น เมื่อเขากลับมาอีกครั้งเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน เขาก็ปีนรุ่นขึ้นไปชกยังพิกัด 75 กิโลกรัมเลยทีเดียว ดังนั้นการที่การชั่งน้ำหนักของการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนให้มาชั่งล่วงหน้าก่อนเวลาจริงๆนั้น ก็จะทำให้นักชกรายนี้มีเวลาฟื้นตัวจากการลดน้ำหนักมากขึ้น อันจะส่งผลให้สภาพร่างกายและความแข็งแกร่งของเขานั้นจะฟื้นคืนกลับมาได้มากขึ้นด้วยนั่นเอง (อ้างอิงจากรายงานของ www.kick-fit-sports.com)



สื่อของเวียดนามยังแจงข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้านี้นั้นหง็อกไฮนั้นขึ้นชกมาทั้งหมด 7 ไฟต์ด้วยกัน โดยเป็นการชกในประเทศเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น นั่นก็คือไฟต์เทิร์นโปรที่ทำได้แค่เสมอคู่ชกไปในกำหนด 4 ยก ส่วนอีกไฟต์หนึ่งก็คือคัมแบ็กไฟต์หลังโควิดฯเมื่อปีที่แล้ว ที่เขาเอาชนะ TKO ซอนนี่ มานาคาเน่ (17-19-3; 9KO) จอมเดินสายชาวอิโดนีเซียไปได้ในยกที่ 3 เมื่อปีที่แล้ว ส่วนการชกอีก 5 ไฟต์ของเขานั้นเป็นการเดินทางไปชกที่ประเทศญี่ปุ่น 1 ครั้ง (เสมอ 4 ยก), อุซเบกิสถาน 1 ครั้ง (ชนะ TKO3) และอีก 3 ไฟต์เป็นการเดินทางไปแข่งขันที่เกาหลีใต้ และเขาก็เอาชนะได้ 2 ครั้ง (ชนะคะแนน 4 ยก กับชนะ TKO4) และเสมอ 1 ครั้ง (4 ยก) และในการชกทั้งหมด 7 ไฟต์ที่ผ่านมานั้นนักชกเวียดนามรายนี้ขึ้นชกในกำหนด 4 ยกถึง 5 ไฟต์ด้วยกัน ส่วน 2 ไฟต์ล่าสุดนั้นเป็นการชกในกำหนด 6 และ 8 ยก ตามลำดับ และการชิงแชมป์ WBA Asia SOUTH กับนักชกไทยในครั้งนี้ จะเป็นการชกในกำหนด 10 ยก เป็นครั้งแรกของเขาอีกด้วย



อนึ่ง รายการมวยนัดนี้ยังมีนักชกไทยอีก 3 คนเดินทางไปเข้าร่วมแข่งขันด้วย ได้แก่ ศราวุฒิ เจียมทอง (7-3-0; 7KO), เสือขาว โชคไทยยิม หรือ รชต ขาวพิมาย (12-3-0; 9KO) และ เพชรบดินทร์ ศิษย์หมอเส็ง (14-4-0; 11KO) โดยจะเป็นการพบกับนักชกฟิลิปปินส์, ทาจิกิสถาน/จีน และเวียดนาม ตามลำดับ


Post a Comment

ใหม่กว่า เก่ากว่า