หลังจากเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา กิงจิโระ ชิเงโอกะ อดีตแชมป์โลกรุ่นมินิฟลายเวต IBF จาก วาตานาเบ้ ยิม ได้เกิดวูบหมดสติบนเวที ภายหลังทราบผลคะแนนว่าไม่สามารถที่จะชิงเข็มขัดคืนมาจาก เปโดร ทาดูราน คู่ปรับเก่าชาวฟิลิปปินส์ ก่อนที่จะถูกนำส่งโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการผ่าตัดด่วน หลังจากพบว่ามีภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นดูรา (Acute Subdural Hematoma) ซีกขวา และปัจจุบันก็ยังคงรับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งนานกว่า 2 เดือนครึ่งแล้ว
ล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ในรายการที่ทาง ไทเก้น โปรโมชั่นส์ จัดขึ้นที่ โครักคุเอ็ง ฮอลล์ โดยมีคู่เอกเป็นการชิงแชมป์ OPBF รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวต ระหว่าง ยามาโตะ ฮาตะ เจ้าของตำแหน่งวัย 28 ปี สังกัด ไทเก้น ยิม กับ ชิเงโตชิ โคตาริ ผู้ท้าชิงจาก เอ็ม.ที ยิม วัย 28 ปีเท่ากัน ซึ่งผลปรากฎว่าเสมอกันไปอย่างสนุก หลังจากที่ชกกันครบ 12 ยก แต่ไม่นานหลังจากนั้นทางโคตารินั้นมีอาการไม่สู้ดี จึงถูกนำส่งโรงพยาบาลทันที และผลการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ก็พบว่า เขามีอาการเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นดูรา ดังนั้นโคตาริจึงถูกนำเข้าห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน และมีรายงานว่าเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 2 ครั้ง และขณะนี้อาการยังไม่ค่อยจะดีนักและต้องอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด
ไม่เพียงเท่านั้นในรายการเดียวกัน มวยคู่ค้ำของรายการซึ่งเป็นศึกตัดเชือกของ JBC ในรุ่นไลต์เวต ระหว่าง ฮิโรมาสะ อุรากาวะ เด็กปั้นไทเก้นฯ วัย 28 ปี กับ โยจิ ไซโตะ จาก คาโดเอบิ โฮเซกิ ยิม วัย 29 ซึ่งผลปราฎว่าทางอุรากาวะนั้นต้องพ่าย TKO ไปในยกที่ 8 อันเป็นยกสุดท้าย และหลังการชกก็มีอาการไม่ดีจึงถูกส่งโรงพยาบาลไปอีกคน และผมการแสกนสมองก็พบว่ามีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นดูราอีกเช่นกัน ดังนั้นอุรากาวะจึงถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดในทันที และปัจจุบันก็ยังคงอยู่ในการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาลอีกราย
2 วันหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทาง ซึโยชิ ยาสึโคจิ เลขาธิการณ์ของ JBC ก็ได้ออกมาประกาศว่าทาง JBC ที่ปัจจุบันกำกับดูแลทาง OPBF อยู่ด้วยนั้น จะมีการปรับลดจำนวนยกของการแข่งขันชิงแชมป์ OPBF ในทุกรุ่น จาก 12 ยก ลงมาเหลือ 10 ยก เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ซึ่งความจริงแล้วทาง JBC ได้ทดลองใช้การชก 10 ยก กับแชมป์ระดับรองๆของ OPBF ที่มีขึ้นยังต่างประเทศมาก่อนหน้านี้แล้ว เช่น OPBF Silver เป็นต้น และจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ทาง JBC ในฐานะองค์กรควบคุมการแข่งขันชกมวยในญี่ปุ่น ก็จะหารือและประสานงานกับ WBO Asia-Pacific อีกองค์กรหนึ่ง เพื่อให้ลดจำนวนยกในการแข่งขันชิงแชมป์ลงมาเหลือ 10 ยก เช่นเดียวกัน
อนึ่ง เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทางสภามวยโลก หรือ WBC ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
เราขอแสดงความยินดีที่ทาง OPBF องค์กรมวยเก่าแก่ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 ได้หันมาปฏิบัติตามคำแนะนำของ WBC ด้วยการปรับลดจำนวนยกของการแข่งขันชิงแชมป์จาก 12 ยก เหลือ 10 ยก
โดยเมื่อปี 2019 WBC ได้มีมติและแนะนำให้การแข่งขันชิงแชมป์ของทุกภูมิภาคภายใต้การกำกับดูแลของ WBC ลดจำนวนยกที่ทำการแข่งขันเหลือ 10 ยก (บางรายการก็ยังสามารถที่จะจัดชก 8 ยกได้เช่นเดียวกัน) และคงไว้เพียงการแข่งขันชิงแชมป์โลกเท่านั้น ที่ยังคงมีกำหนดการชกเป็น 12 ยก
เหตุผลดังกล่าวนั้นได้มาจากการศึกษาของทีมแพทย์ของ WBC ซึ่งพบว่า การที่นักมวยคนหนึ่งมีภาวะขาดน้ำร่วมกับกับมีความเหนื่อยล้า และมีการถูกชกเข้าที่ศีรษะหนักๆ จะเพิ่มความความเสี่ยงต่อการเกิดการบาดเจ็บรุนแรงที่รุนแรง ทำให้ WBC จึงเป็นองค์กรแรกที่ทำการลดจำนวนยกของการชิงแชมป์โลกจาก 15 ยก ลงมาเหลือ 12 ยก ตั้งแต่ปี 1983 ก่อนที่องค์กรอื่นๆจะปฏิบัติตามในเวลาต่อมา ไม่เพียงเท่านั้นทาง WBC ก็ได้ริเริ่มออกกฎให้นักมวยทำการลดน้ำหนักอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและไม่หักโหม ซึ่งจะเสี่ยงต่อภาวะการขาดสารน้ำที่รุนแรง ให้มีการตั้งกฎการชั่งน้ำหนักตัวล่วงหน้า 1 เดือน 7 วัน และ 3 วันก่อนการชกในเวลาต่อมาด้วย
เหตุผลดังกล่าวนั้นได้มาจากการศึกษาของทีมแพทย์ของ WBC ซึ่งพบว่า การที่นักมวยคนหนึ่งมีภาวะขาดน้ำร่วมกับกับมีความเหนื่อยล้า และมีการถูกชกเข้าที่ศีรษะหนักๆ จะเพิ่มความความเสี่ยงต่อการเกิดการบาดเจ็บรุนแรงที่รุนแรง ทำให้ WBC จึงเป็นองค์กรแรกที่ทำการลดจำนวนยกของการชิงแชมป์โลกจาก 15 ยก ลงมาเหลือ 12 ยก ตั้งแต่ปี 1983 ก่อนที่องค์กรอื่นๆจะปฏิบัติตามในเวลาต่อมา ไม่เพียงเท่านั้นทาง WBC ก็ได้ริเริ่มออกกฎให้นักมวยทำการลดน้ำหนักอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและไม่หักโหม ซึ่งจะเสี่ยงต่อภาวะการขาดสารน้ำที่รุนแรง ให้มีการตั้งกฎการชั่งน้ำหนักตัวล่วงหน้า 1 เดือน 7 วัน และ 3 วันก่อนการชกในเวลาต่อมาด้วย
นอกจากนั้นการศึกษาของ WBC ยังพบว่า การให้นักชกที่มีประสบการณ์น้อยขึ้นชกในจำนวนยกที่เกินกว่าที่เคย อาจจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายและบาดเจ็บได้ ดังจะเห็นว่าในกรณีของ ชิเงโตชิ โคทาริ นั้น เขาก็เคยขึ้นชกจำนวนยกมากที่สุดแค่ 8 ยก เท่านั้น ทำให้การขึ้นชิงแชมป์ครั้งแรกในชีวิตของเขาในครั้งกลายเป็นการชก 12 ยกเต็มเป็นครั้งแรกของเขาด้วย
Original Photo Credit: www.gnlm.com.mm