By: Boxing-Boy 

Original Photo Credit: 조자성  
* ของดบริการอ่านข้อความให้ฟังก่อนชั่วคราวนะครับ (ตอนนี้ยุ่งมากครับ)


'เอ็ม' คนตัวลาย เจเอ็ม บ็อกซิิ่ง ยิม
หรือ เฉลิมพล สิงห์วังชา (21-9-0; 14KO) อดีตแชมป์เวลเตอร์เวต ABF และ ไลต์เฮฟวี่เวต WBC Asia Silver นักชก 3 แบบ (มวยสากล มวยไทย และ คิกบ็อกซิ่ง) วัย ชาวไทย ได้คิวขึ้นชิงแชมป์สากาอาชีพอีกครั้งหนึ่งแล้ว ในวันที่ 3 กันยายนที่กำลังจะถึงนี้



โดยคนตัวลายจะเดินทางไปลุ้นแชมป์เส้นใหม่ที่ประเทศเกาหลีใต้ อันจะเป็นการปีนเวตขึ้นไปชิงแชมป์ WBC Asia Silver รุ่นบริดเจอร์เวต กับเจ้าของตำแหน่งเจ้าถิ่น ซยอง โจจา (5-3-0; 0KO) ที่มีรูปร่างสูงเพียง 175 ซม. ซึ่งนับว่าตัวเล็กสำหรับนักชกระดับรุ่นน้องยักษ์พิกัดไม่เกิน 224 ปอนด์แบบนี้ (แต่ก็สูงกว่าคนตัวลายของเราอยู่ราว 7 ซม.ด้วยกัน)



โจจานั้นเกิดที่เมืองพูอันเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 1985 ปัจจุบันมีอายุได้ 37 ปีเศษ (ส่วนคนตัวลายอายุ 34 ปีเศษ) เป็นมวยขวาสังกัด บุลกวาง บ็อกซิ่ง คลับ อย่างไรก็ดีโจจานั้นก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้จัดการตัวเองอีกด้วย และที่น่าแปลกใจคือเขาเริ่มเทิร์นโปรชกอาชีพเมื่อมีอายุได้ 31 ปีแล้ว ทั้งนี้ก็อาจที่เป็นเพราะว่าเขานั้นสนใจในกีฬาหลากหลายชนิดมาก่อนก็เป็นได้



หากโฟกัสเข้าไปที่สถิติของโจจาแล้วนั้นก็จะพบว่า เขานั้นไม่ใช่นักมวยที่มีหมัดหนักอะไรเลย เพราะตลอดการชกอาชีพรวม 8 ครั้งนั้นเขาไม่เคยที่จะเอาชนะน็อคคู่ต่อสู้ได้เลยแม้แต่คนเดียว อย่างไรก็ดีนักชกรายนี้ก็ได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขานั้นขึ้นชกมวยด้วยมันสมอง ไม่ได้เน้นไปที่พละกำลังแต่อย่างใด และไม่เพียงเท่านั้นชัยชนะทั้ง 5 ไฟต์ของเขานั้น เป็นชัยชนะในแบบไม่เป็นเอกฉันท์ครั้งหนึ่ง กับแบบเสียงข้างมากและแบบเป็นเอกฉันท์อีกอย่างละ 2 ครั้งด้วยกัน



ส่วนการพ่ายแพ้ทั้ง 3 ครั้งของนักชกรายนี้นั้น ก็เป็นการแพ้คะแนนเอกฉันท์ด้วยกัน 2 ไฟต์ กับอีกไฟต์หนึ่งนั้นนั้นเขาถูกยำจนแพ้ TKO ไปในยกที่ 2 เท่านั้น และอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ หมอนี่พึ่งจะชก 10 ยกไปแค่ 2 ครั้งสุดท้ายเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ก็ชก 4 ยกมาตลอด โดยการชก 10 ยกทั้ง 2 ครั้งของโจจานั้น ก็เป็นการชิงแชมป์ WBC Asia Silver รุ่นบริดเจอร์เวตที่ว่างทั้ง 2 ครั้งด้วยกัน เพราะเป็นการชกที่ห่างกันราวปีครึ่ง ทางสถาบันจึงปลดเขาออกจากตำแหน่งไปก่อน แต่ก็ยังอนุมัติให้ชิงว่างคืนได้


ว่าแต่ 4 ปีหลังนี่หมอขึ้นชกมวยสากลอาชีพไปเพียง 3 ครั้งเท่านั้น (เนื่องจากไม่มีโปรแกรมชกมวย หมอนี่เลยไปลงแข่งยิวยิตสูและยูโดแทนในระหว่างนั้น) และไฟต์ล่าสุดก็เพิ่งจะผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง ก่อนที่จะได้รับการประกบให้เจอกับนักชกต่างชาติเป็นครั้งแรกในไฟต์หน้านี้ ซึ่งก็คือคนตัวลายนักชกไทยของเรานี่เอง

Post a Comment

ใหม่กว่า เก่ากว่า